Powerlifting เป็นกีฬาที่ต้องอาศัยความแข็งแกร่งของร่างกายในการยกน้ำหนัก โดยจะมีโอกาสให้ยกน้ำหนักให้ได้มากที่สุด 3 ครั้ง ด้วยท่า (Squat) (Bench Press) (Deadlift) อีกทั้งยังได้บรรจุอยู่ในกีฬายกน้ำหนักโอลิมปิกอีกด้วย เชื่อกันว่าเป็นกีฬาที่ถูกพัฒนามาจาก “odd lifts” ซึ่งมีรูปแบบการเล่นคือการยกน้ำหนัก 3 ครั้งเช่นเดียวกัน มักถูกนำไปใส่ในรายการแข่งทั่วไป จนในปัจจุบันนี้ได้กลายเป็นที่แพร่หลายไปทั่วโลก มีการแข่งขันเกิดขึ้นทั่วโลก โดยกีฬา Powerlifting ถูกจัดให้เป็นกีฬาพาราลิมปิก (ในประเภท bench press เท่านั้น) ตั้งแต่ปี 1984 และกลายเป็น World Games ภายในนามของ IPF โดยมีการแข่งขันในระดับท้องถิ่น รวมถึงในระดับชาติยังได้รับการรับรองจากองค์กรอื่นๆ ด้วยเช่นกัน
อุปกรณ์สนับสนุนที่จำเป็น
ในการยกน้ำหนัแบบ powerlifting จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์สนับสนุนที่เหมาะสม ได้แก่ เสื้อ กางเกงชั้นนอก ชุดสูท และบางครั้งก็ใช้ผ้าพันเข่าที่ทำจากวัสดุที่เก็บพลังงานที่มีความยืดหยุ่น ซึ่งจะช่วยจะช่วยเพิ่มแรงให้กับการยกทั้งสามในการแข่งขันกีฬา บางสหพันธ์อนุญาตให้ใช้ผ้าพันเข่าได้บางชนิดเท่านั้น ในขณะที่บางสหพันธ์ที่ไม่ได้เข้มงวดมากนักเช่น GPA ในบางครั้งอาจเห็นนักกีฬาใช้มีการใช้สายรัดเพื่อช่วยในการยกในกรณีที่จับไม่ถนัด แต่ไม่ได้รับอนุญาตจากองค์กรใดๆ ในการแข่งขันอย่างเป็นทางการ สายรัดเป็นอุปกรณ์เสริมเพียงตัวเดียวที่ได้รับอนุญาตจากสหพันธ์ในการแข่งขันแบบ Raw
ในการใช้อุปกรณ์ช่วยนั้นจะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ “Equipped” กับ “Un-Equipped” หรือ “Raw” โดยทั้งสองรูปแบบนี้จะมีการแข่งเพื่อบันทึกสถิติ ความแตกต่างระหว่างทั้งสองอย่างนี้คือการบันทึกในท่า Squat กับ Bench การใช้อุปกรณ์จะช่วยให้ได้เปรียบอย่างมากในการแข่ง ซึ่งเห็นผลได้น้อยกว่าในกรณีของท่า Deadlift อย่างไรก็ตามอุปกรณ์ที่สนับสนุนไม่ควรไปสับสนกับอุปกรณ์ที่ใช้ในการยก เช่น Bench press กับ monolift stand ไม่นับเป็นอุปกรณ์สนับสนุน
หรืออีกอย่างคืออุปกรณ์ส่วนบุคคล เช่น เข็มขัดยกน้ำหนักที่อาจยกน้ำหนักได้มากขึ้นจริง แต่ด้วยกลไกอื่นที่ไม่ใช่การเก็บพลังงานไม่ถือให้เป็นอุปกรณ์สนับสนุน ชอล์กก็จัดเป็นอุปกรณ์ที่ใช้กันโดยทั่วไป เพื่อช่วยให้อุปกรณ์แห้งให้จับได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถทาชอล์กลงบนไหล่ หรือด้านหลังเพื่อไม่ให้ตัวเลื่อนไถลระหว่างการยกน้ำหนักด้วย
กติกาการแข่งขัน
1.ยกแบบ Squat มีสองประเภทขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ที่ใช้ ได้แก่ “ขาตั้งทั่วไป” และ “ขาตั้งโมโนลิฟท์” ในกรณีที่มีการยกก่อนเรียกว่า “walked out squat” ในกรณีที่ยกหลังเรียกว่า “monolift squat” ซึ่งได้รับอนุญาตจากองค์กรส่วนใหญ่ ในขณะที่อีกแบบหนึ่งไม่ได้รับการอนุญาตจาก IPF, IPL และ WDFPF ลิฟท์จะเริ่มต้นด้วยการนำบาร์ที่มีน้ำหนักวางอยู่บนไหล่ของนักกีฬา เมื่อผู้กรรมการให้สัญญาณ นักกีฬาจะต้องเริ่มยกในขึ้นทันที แล้วนั่งย่อในท่า Squat ก่อนที่จะยกตัวขึ้นและนำบาร์กลับไปวางตำแหน่งเดิม
2.ยกแบบ Bench press เป็นการยกโดยให้นักกีฬานอนลงบนเตียงยกน้ำหนัก พร้อมกับบาร์ที่วางอยู่บนคานในดิ่ง โดยอยู่ในระดับสายตาของนักกีฬา ในระหว่างนี้ผู้ช่วยสามารถช่วยยกให้ออกมาจากคานได้ จากนั้นนักกีฬาจะต้องลดบาร์ให้มาถึงระดับอก ก่อนที่จะยกกลับขึ้นไปวางไว้บนแร็กเช่นเดิม นอกจากนี้ยังมีข้อห้ามอีกหลายอย่าง เช่น ไม่ให้ขยับขาออกจากตำแหน่งเดิม หรือขยับร่างกายเกินความจำเป็น
3.ยกแบบ Deadlift ในการยกแบบนี้นักกีฬาจะต้องยกบาร์อยู่วางอยู่บนพื้น โดยจะต้องยกขึ้นในตำแหน่งท่ายืนตรง ให้ขาและหลังเป็นแนวเดียวกัน พร้อมกับยืดหน้าอกขึ้น ระหว่างนั้นต้องรอสัญญาณของกรรมการ เมื่อได้สัญญาณนักกีฬาถึงจะสามารถลดบาร์ลงสู่พื้นได้ การปล่อยบาร์จากมือทันทีถือเป็นการผิดกฎกติกา